วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

อับราฮัม ลินคอล์น วีรบุรุษคนแรกของโลกผู้ปลดแอกระบบทาส


  สวัสดีครับ วันนี้ผมก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียน BLOg อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เขียนมานานนับแรมปี วันนี้ผมก็จะมาเขียน BLOg เนื้อหาเกี่ยวกับที่ผมชื่นชอบและถนัด นั่นก็คือ แนวอัตชีวประวัติหรือ HOW TO ของคนที่ประสบความสำเร็จหรือคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกนั่นเอง

  เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย วันนี้ผมก็จะมานำเสนอบุคคลสำคัญ ซึ่งบุคคลคนนี้ก็เป็นบุคคลที่ผมชื่นชอบและโปรดปรานมาก เพราะด้วยวีรกรรมที่เขาทำ ช่างเป็นเหตุการและเรื่องราวที่น่ายกย่อง ชื่นชม จดจำ และนำไปบอกต่อซะเหลือเกินนี่กระไร

     เราหลายคนคงรู้และทราบกันดีว่า รัชกาลที่๕ ได้ทรงประกาศเลิกทาสในไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับเหล่าทาสชาวไทย และเป็นการเริ่มต้นของที่มาของคำว่า เสรีภาพและประชาธิปไตย แต่ไหนเลยหลายคนคงจะไม่รู้ว่ายังมีบุคคลที่เคยได้ทำการปลดแอกเหล่าทาสเหมือนเหตุการณ์เช่นนี้อยู่อีก ซึ่งเป็นคนแรกและครั้งแรกของโลกด้วยที่สามารถทำได้ แต่เขามิใช่กษัตริย์ แต่เป็นเพียงเด็กธรรมดาๆคนหนึ่งที่เติบใหญ่และได้กลายมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ "อับราฮัม ลินคอล์น" นั่นเอง

    "อับราฮัม ลินคอล์น" (Abraham Lincoln) เกิดเมื่อวันที่  12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 รัฐเคนตักกี สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรชายคนที่ 2 ในครอบครัวชาวนาที่มีฐานะยากจนมาก ลินคอล์นน้อยต้องช่วยพ่อทำงานอย่างหนักในไร่ตั้งแต่ยังเล็กด้วยวัยเพียง 8 ขวบเท่าน้ัน ไม่เพียงเท่านั้นเขาต้องสูญเสียแม่อันเป็นที่รักไปเนื่องจากป่วยไข้เมื่อเขาอายุได้เพียง 9 ขวบ

 
   เมื่อเสียภรรยาไปพ่อของลินคอล์นก็ได้มีเมียใหม่เป็นหญิงม่ายพร้อมลูกติดอีก 3 คน แต่นับเป็นโชคดีที่แม่เลี้ยงของเขา "ซาร่าห์" เป็นคนดี มีจิตใจอ่อนโยนเมตตา และเอ็นดูรักใคร่เขาเป็นอย่างมากไม่ต่างจากบุตรของตนเลยทีเดียว ซาร่าห์ชื่นชอบนิสัยของลินคอล์นตรงที่ เป็นเด็กขยัน ไม่เลี่ยงงาน มีความซื่อสัตย์ ไม่เคยพูดโกหก และที่สำคัญเขายังมีลักษณะนิสัยที่ชื่นชอบ และรักการอ่านหนังสือเป็นพิเศษอีกด้วย



   ในวัยเด็กฐานะครอบครัวของลินคอล์นถือว่ายากจน และพ่อของเขาเองซึ่งไร้การศึกษาจึงไม่สนับสนุนและอยากให้เขาหยิบจับหรืออ่านหนังสือและเข้าเรียนมากนักเนื่องจากต้องการให้ลินคอล์นช่วยเขาทำไร่ทำนานั่นเอง  แต่นั่นทำให้ลินคอล์นไม่ค่อยชอบใจนัก ทั้งชีวิตลินคอล์นจึงมีโอกาสได้รับการศึกษาจากโรงเรียนรวมๆแล้วเพียงหนึ่งปีเท่านั้น แต่โชคดีที่ในวัยเด็กแม่ของเขาได้เคยสอนลินคอล์นอ่านเขียนจึงทำให้เขารู้หนังสือตั้งแต่ยังเล็ก กอปรกับแม่เลี้ยงที่คอยหาหนังสือดีๆมาให้ลินคอล์นหมั่นอ่านศึกษาหาความรู้เนื่องจากรู้ว่าลินคอล์นรักในการอ่านและไฝ่หาความรู้เป็นอย่างมาก เมื่ออ่านและอยู่กับหนังสือแล้วลินคอล์นมักฝันถึงอนาคตที่สดใสที่รอเขาอยู่นอกเหนือจากความซ้ำซาก จำเจ อันน่าเบื่อหน่ายจากการทำไร่นาช่วยพ่อซึ่งเขาไม่ได้ชื่นชอบมันเลย

   ในวัย 22 ปี ลินคอล์น ก็ตัดสินใจออกเดินทางพร้อมด้วยเงินเก็บที่มีติดตัวอยู่เพียงน้อยนิด มุ่งสู่เมืองนิวซาเลมเมืองเล็กๆในรัฐอิลลินอยส์ โดยการไปขอสมัครเป็นพนักงานร้านขายของชำแห่งหนึ่งในเมืองนั้น

   ชาวเมือง ลูกค้า และคนในระแวกนั้นต่างก็ชื่นชอบและชอบพออับราฮัมกันแทบทุกคน เนื่องด้วยลินคอล์นนั้นเป็นคนสุภาพซ้ำยังเป็นคนคุยสนุกและมีอารมณ์ขันอีกด้วย ลินคอล์นได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกค้าและทุกๆคนทุกๆฐานะอาชีพ รู้ตัวอีกทีไม่นานลินคอล์นก็กลายเป็นที่รักใคร่และขวัญใจของชาวเมืองและคนแถวนั้นไปแล้ว

   ในปี ค.ศ. 1832 ท่ามกลางเสียงเรียกร้องและการสนับสนุนจากบรรดาผองเพื่อนและคนในเมือง ลินคอล์นจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่การเลือกตั้งไป แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ทำให้เขามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น

   
   อีก 2 ปี ต่อมาด้วยวัย 25 ปี เขาก็ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกเป็นครั้งที่ 2 แต่ครั้งนี้เขาประสบความสำเร็จในการชนะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งอิลลินอยส์จนได้ ต่อมาเพื่อนของเขาซึ่งเป็นทนายความก็ได้แนะนำให้เขาเข้าเรียนหรือศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในด้านกฏหมาย แต่เขาไม่มีเงินมากนักเขาจึงต้องหาหนังสือเก่าหรือหนังสือมือสองเกี่ยวกับด้านกฎหมายมาอ่าน บ้างก็เก็บเงินซื้อหนังสือทางด้านนี้มาอ่านเพื่อเพิ่มเติมศึกษาเอาเอง เขาอ่านและง่วนศึกษาอย่างขมักเขม้นและตั้งใจอยู่กว่า 3 ปี จนในที่สุดเขาก็สามารถสอบผ่านและสามารถเป็นทนายความได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ จากนั้นด้วยวัย 28 ปีเขาก็มุ่งหน้าสู่เมืองสปริงฟิลด์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐอิลลินอยส์เพื่อทำงานเป็นทนายความในสำนักงานกฏหมายของเพื่อนของเขานั่นเองโดยได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานกฏหมายแห่งนี้ด้วย

   จากหน้าที่การงานของเขาในเมืองนี้ ทำให้ฐานะของลินคอล์นเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับบุคคลชั้นสูง และนั่นทำให้เขาได้พบและรู้จักชอบพอกับบุตรสาวจากตระกูลเศรษฐี  "แมรี่ แอนน์ ทอดด์ (Mary Ann Todd) แต่บิดาและมารดาของแมรี่ไม่ค่อยชอบลินคอล์นสักเท่าไรนักเนื่องจากรังเกียจฐานะของลินคอล์นที่ยากจนและต่ำต้อย แต่สุดท้ายอย่างไรทั้งสองก็ได้เข้าพิธีแต่งงานกัน ขณะนั้นลินคอล์นอายุ 33 ปี และแมรี่อายุ 24 ปี



    ด้วยความที่ลินคอล์นมีความซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ ซ้ำยังมีวาทศิลป์ที่เป็นเลิศ ทุกถ้อยคำที่เขากล่าวล้วนมีพลังและสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังเสมอ  ในปี ค.ศ. 1849 ลินคอล์นได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาคองเกรส และในปี ค.ศ. 1856 ลินคอล์นก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน (Republican Party) (ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนนโยบายว่าด้วยเรื่องคัดค้านการค้าทาส) อย่างเป็นทางการ และด้วยบุคลิค นิสัย และวาทศิลป์ของเขา สมาชิกพรรครีพับลิกันจึงได้พร้องใจให้ลินคอล์นเป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1860 โดยชูนโยบายเลิกทาสเป็นสำคัญ ซึ่งลินคอล์นก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้และได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 แห่งสหรัฐอเมริกาในปีนั้นนั่นเอง

     ลินคอล์นมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสรีภาพและความเสมอภาคไว้ในประเทศอันเป็นที่รักของเขา การยกเลิกทาสครั้งนี้จะนำฟ้าใหม่มาสู่ชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่เคยตกนรกเพราะถูกขายมาเป็นทาส
และลินคอล์นก็สามารถทำได้สำเร็จตามที่มุ่งมั่น มุ่งหมายไว้ในการยกเลิกระบบทาส แต่น่าเสียดายและเสียใจ หลังคำประกาศเลิกทาสแล้ว อีกไม่นานลินคอล์นก็ถูก จอห์น วิลก์ส บูต นักแสดงชายที่โกรธแค้นในนโยบายการเลิกทาสของเขาลอบสังหารขณะที่ลินคอล์นกำลังนั่งดูละครกับภรรยาของเขาในห้อดูละครของโรงละครฟอร์ด ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.1868 และลินคอล์นได้เสียชีวิตจากพิษบาดแผลในวันต่อมาขณะมีอายุได้เพียง 56 ปี


 





   แม้ลินคอล์นจะจากไปด้วยวัยก่อนสมควร ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น หากแต่คุณงามความดีที่เขาได้สร้างไว้แด่มวลมนุษย์ยังคงถูกขับขานมาจนถึงทุกวันนี้ การต่อสู้เพื่อให้เกิดการเลิกทาสในสหรัฐอเมริกาไม่เพียงช่วยปลดปล่อยและมอบอิสระเสรีภาพในฐานะมนุษย์ให้แก่เหล่าทาสในอเมริกาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นต้นแบบและส่งอิทธิพลผลักดันให้ประเทศอื่นๆในโลกนี้ต้องเลิกทาสตามไปด้วย

    ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติมตามอ่านบทความของผมตั้งแต่ตัวอักษรตัวแรกมาจนถึง ณ ตอนนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความของผมนี้จะสามารถได้ให้ ทั้งความรู้ ข้อคิด สาระ ประโยชน์ ประสบการณ์ เรื่องราว ความสนุกและความเพลิดเพลิน เพื่อเป็นแนวทาง และถ่ายทอดให้กับบุคคลที่ชื่นชอบและสนใจในอัตชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จ และทำประโยชน์ให้กับสังคมไม่มากก็น้อย โดยที่เขาเหล่านั้นเกิดมาด้วยต้นทุนที่เริ่มจากศูนย์หรือติดลบ แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อหรือยอมแพ้ต่อโชคชะตา จึงทำให้เขาสามารถฝ่าฟันทุกเรื่องราวและอุปสรรคไปได้ นะครับ